ท่อพีพีอาร์ PPR
คุณสมบัติเด่นของท่อพีพีอาร์
											           ท่อพีพีอาร์ (PP-R) หรือท่อโพลีโพรพีลีน รีอินฟอร์ซ มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในระบบประปาและระบบน้ำร้อน 
โดยมีคุณสมบัติดังนี้
									
			โดยมีคุณสมบัติดังนี้
ทนความร้อนได้ดี
											ท่อพีพีอาร์สามารถทนทานต่ออุณหภูมิสูงได้ถึงประมาณ 95°C และสามารถใช้งานได้ในสภาพที่มีอุณหภูมิสูงในระบบน้ำร้อน (Hot Water System) โดยไม่เกิดการเสื่อมสภาพหรือการแตกร้าว
									
			ทนทานต่อการกัดกร่อน
											ท่อพีพีอาร์ไม่เกิดสนิมหรือการกัดกร่อนจากสารเคมีต่างๆ ที่อาจพบในน้ำประปาและน้ำร้อน ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานและไม่ต้องบำรุงรักษามาก
									
			ไม่มีสารพิษ
											ท่อพีพีอาร์ไม่ปล่อยสารพิษเมื่อสัมผัสกับน้ำดื่ม ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานในระบบน้ำดื่มและระบบท่อน้ำ
									
			การติดตั้งง่าย
											ท่อพีพีอาร์สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็วโดยการเชื่อมต่อด้วยวิธีเชื่อมร้อน (Fusion Welding) ซึ่งช่วยให้ท่อเชื่อมต่อกันอย่างแข็งแรงและไม่รั่วซึม
									
			น้ำหนักเบา
											ท่อพีพีอาร์มีน้ำหนักเบากว่าท่อโลหะหรือท่อประเภทอื่น ทำให้สะดวกในการขนส่งและติดตั้ง
									
			ทนทานต่อการขีดข่วน
											พื้นผิวของท่อพีพีอาร์ทนทานต่อการขีดข่วนและความเสียหายจากการใช้งานทั่วไป
									
			อายุการใช้งานยาวนาน
											ท่อพีพีอาร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 50 ปีหรือมากกว่า หากได้รับการติดตั้งและใช้งานอย่างถูกวิธี
									
			ป้องกันการสูญเสียพลังงาน
											ท่อพีพีอาร์มีคุณสมบัติในการป้องกันการสูญเสียพลังงานจากการรั่วไหลของความร้อน ทำให้ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน
									
			ทนทานต่อการสั่นสะเทือนและแรงกระแทก
											ท่อพีพีอาร์ทนทานต่อแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานในระบบต่างๆ โดยไม่แตกหักง่าย
									
			ท่อ PPR (พีพีอาร์)
ท่อ PPR มีลักษณะเป็นท่อสีเขียว PP-R (Polypropylene Random Copolymer) ที่ประเทศชั้นนำทั่วโลกเลือกใช้ ถูกคิดค้นโดยชาวเยอรมันพัฒนาจากเม็ดพลาสติก PPR (Polypropylene) โพลีโพรไพลีน
ท่อ PPR ในประเทศไทยนั้นได้รับการยอมรับแพร่หลายและท่อ PPR เป็นท่อทางเลือกใหม่ที่มาทดแทน ระบบท่อทองแดงและโลหะ โดยท่อ PPR นั้นเริ่มแรกผลิตจากประเทศเยอรมนี
ซึ่งเป็นศูนย์กลางวิศวกรรมอุตสาหกรรมพลาสติกของโลก มี เอกลักษณ์พิเศษคือมีความทนทานสูงและเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะอาดถูกสุขลักษณะ
ทำให้ท่อ PPR ได้รับการยอมรับแพร่หลายในทวีปยุโรปและแถบเอเชียเป็นอย่างมาก ท่อ PPR คือ ท่อที่ผลิตจาก Polypropylene (PP) ซึ่งป็นพลาสติกโพลีโพรไพลีน
ที่มีการจัดเรียงตัวอย่างไม่เจาะจง ท่อ PPR จึงมีคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพที่ดีเหมาะกับการใช้งาน
ระบบท่อประปา ท่อน้ำร้อน ท่อน้ำเย็น และงานท่อประเภทอื่นทั้งงานบ้านและงานอุตสาหกรรม
ข้อดีของท่อพีพีอาร์
									
											1.ทนความร้อนสูง ท่อพีพีอาร์สามารถทนความร้อนได้ดี ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานใน
ระบบท่อน้ำร้อน (น้ำร้อนถึง 95°C)
2.ทนทานต่อการกัดกร่อน ท่อพีพีอาร์ไม่เกิดสนิมหรือการกัดกร่อนจากสารเคมีต่างๆ
ทำให้ใช้งานได้ยาวนาน
3.น้ำหนักเบา ท่อพีพีอาร์มีน้ำหนักเบากว่าท่อโลหะหรือท่อพีวีซี ทำให้การขนส่งและการติดตั้งสะดวก
4.ติดตั้งง่าย การเชื่อมต่อด้วยวิธีเชื่อมร้อน (fusion welding)
ทำให้ท่อมีความแข็งแรงสูงและไม่รั่วซึม
5.ไม่เป็นพิษ ไม่ปล่อยสารพิษเมื่อใช้งานในระบบน้ำดื่มหรือท่อน้ำร้อน
6.ประหยัดพลังงาน การทนต่อความร้อนช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากการรั่วไหลของความร้อน
7.อายุการใช้งานยาวนาน ท่อพีพีอาร์มีอายุการใช้งานยาวนานเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
									
			ระบบท่อน้ำร้อน (น้ำร้อนถึง 95°C)
2.ทนทานต่อการกัดกร่อน ท่อพีพีอาร์ไม่เกิดสนิมหรือการกัดกร่อนจากสารเคมีต่างๆ
ทำให้ใช้งานได้ยาวนาน
3.น้ำหนักเบา ท่อพีพีอาร์มีน้ำหนักเบากว่าท่อโลหะหรือท่อพีวีซี ทำให้การขนส่งและการติดตั้งสะดวก
4.ติดตั้งง่าย การเชื่อมต่อด้วยวิธีเชื่อมร้อน (fusion welding)
ทำให้ท่อมีความแข็งแรงสูงและไม่รั่วซึม
5.ไม่เป็นพิษ ไม่ปล่อยสารพิษเมื่อใช้งานในระบบน้ำดื่มหรือท่อน้ำร้อน
6.ประหยัดพลังงาน การทนต่อความร้อนช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากการรั่วไหลของความร้อน
7.อายุการใช้งานยาวนาน ท่อพีพีอาร์มีอายุการใช้งานยาวนานเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ข้อเสียของท่อพีพีอาร์
									
											1.ราคาแพง ท่อพีพีอาร์มีราคาสูงกว่าท่อพีวีซีและท่อชนิดอื่นๆ 
ทำให้ต้นทุนการติดตั้งสูงขึ้น
2.ความยืดหยุ่นน้อย ท่อพีพีอาร์มีความยืดหยุ่นน้อยเมื่อเทียบกับท่อพลาสติกชนิดอื่น
ทำให้ต้องระมัดระวังในการติดตั้งในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือน
3.ไม่ทนต่อแสง UV ท่อพีพีอาร์จะเสื่อมสภาพจากแสงแดด (UV) หากใช้งานกลางแจ้งโดยไม่ได้ป้องกัน
4.ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการติดตั้ง การเชื่อมร้อนจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการติดตั้ง
ซึ่งอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
5.ไม่เหมาะกับการใช้งานในอุณหภูมิที่ต่ำมาก ท่อพีพีอาร์ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพอุณหภูมิที่ต่ำมาก
เนื่องจากอาจทำให้ท่อแตกหักได้
									
			ทำให้ต้นทุนการติดตั้งสูงขึ้น
2.ความยืดหยุ่นน้อย ท่อพีพีอาร์มีความยืดหยุ่นน้อยเมื่อเทียบกับท่อพลาสติกชนิดอื่น
ทำให้ต้องระมัดระวังในการติดตั้งในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือน
3.ไม่ทนต่อแสง UV ท่อพีพีอาร์จะเสื่อมสภาพจากแสงแดด (UV) หากใช้งานกลางแจ้งโดยไม่ได้ป้องกัน
4.ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการติดตั้ง การเชื่อมร้อนจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการติดตั้ง
ซึ่งอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
5.ไม่เหมาะกับการใช้งานในอุณหภูมิที่ต่ำมาก ท่อพีพีอาร์ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพอุณหภูมิที่ต่ำมาก
เนื่องจากอาจทำให้ท่อแตกหักได้
 
         
                                 
							 
							 
							 
							 
							 
							 
							 
							 
							 
							 
							


